ถอดรหัสทำไมพรีเมียร์ลีกทำไมจึงเป็นลีกที่ยอดนิยมที่สุดในโลก

หากพูดถึงลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกลูกหนัง ชื่อของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ คงจะเป็นชื่อในอันดับต้นที่จะถูกยกขึ้นมาเป็นที่พูดถึงลำดับต้นๆอย่างแน่นอน ที่ไปที่มาของ การแข่งขันฟุตบอลที่ชื่อ พรีเมียร์ลีกทำไมจึงเป็นลีกที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงที่สุดในโลกเราจะมาหาคำตอบกัน
จาก ดิวิชั่นหนึ่ง สู่การรีแบรนด์ดิ้งที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
เดิมทีชื่อเดิมของ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ มีชื่อว่า ดิวิชั่นหนึ่งของ อังกฤษ และไล่เรียงลงไปตามระดับลีกที่ลงแข่งขันในประเทศก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1888 โดย สมาคมฟุตบอลอังกฤษ ในชื่อว่าดิวิชั่นหนึ่งและทำการแข่งขันต่างผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนความสำเร็จกันในช่วงแรกๆมาเรื่อยมา และมียอดทีมชั้นนำมากมาย เป็น ลิเวอร์พูลยอดทีมจากทางฝั่งเมอร์ซีย์ไซด์ ที่คว้าแชมป์มากที่สุดในเวลานั้นที่ 18 สมัย ตามมาด้วย ปืนใหญ่อาร์เซน่อลยอดทีมจากกรุงลอนดอน คว้าไป 10 สมัย เอฟเวอร์ตันคู่ปรับร่วมเมืองเดียวกันกับลิเวอร์พูลทำเอาไว้ที่ 9 สมใจและสุดท้ายคือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ทำเอาไว้ 7 สมัย
นับเป็นเวลาที่ดิวิชั่นหนึ่งอังกฤษลงทำการแข่งขันเป็นระยะเวลา 104 ปี และก็ถึงเวลาถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญเพื่อยกระดับธุรกิจที่มากกว่าเรื่อง ของการแข่งขันในสนาม นั้นคือการตัดสินใจ รีแบรนด์ดิ้งจาก ดิวิชั่นหนึ่ง เป็น พรีเมียร์ลีกอังกฤษ เพื่อทำการแข่งขันกับลีกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานั้นอย่าง กัลโช่เซเรียอาอิตาลี ที่มีมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ ทีมที่อุดมไปด้วยซุปเปอร์สตาร์ อย่าง เอซี มิลาน ยูเวนตุส อินเตอร มิลาน ที่ครองความยิ่งใหญ่ในฟุตบอลยุโรป ยิ่งภาพลักษณ์ที่เป็นในมุมลบของกลุ่มแฟนบอลอังกฤษในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเฮย์เซล นัดชิงชนะเลิส ถ้วยยุโรปเปี้ยนคัพ ในปี 1985 เกมระหว่าง ลิเวอร์พูลยอดทีมจากอังกฤษ พบกับยอดทีมจากอิตาลีอย่างยูเวนตุส

แม้ผลการแข่งขันเกมนั้นจะเป็นยูเวนตุสที่เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 1 – 0 จากจุดโทษ ของ มิเชล พาตินี่ แต่มันคือฝันร้ายของแฟนบอลนั้นคือเหตุการณ์การปะทะกันของแฟนบอลทั้งสองทีมจนนำไปสู่เหตุจราจลจนมีแฟนบอลเสียชีวิตทั้ง 39 รายเป็นแฟนบอลชาวอิตาลี 32 ราย และชาติอื่น 7 ราย และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ทำให้มีคำสั่งลงโทษจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือได้ประกาศตัดสินใจ “แบน” ทุกทีมของอังกฤษไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขันในรายการฟุตบอลรายการยุโรปเปี้ยนคัพ(ชื่อเดิมของ ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ในปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 5 ปี แต่สโมสรที่แฟนบอลก่อเรื่องอย่าง ลิเวอร์พูลรับโทษแบนเพิ่มอีกสองปี เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติทันที ทำให้นายกรัฐมนตรีของอังกฤษในขณะนั้นอย่าง นางมาร์กาเร็ต แธ็ตเชอร์ ประกาศจะทำให้ฟุตบอลอังกฤษนั้นใสสะอาดมากขึ้น และจะกำจัดพวกแฟนบอลหัวรุนแรงอย่าง ฮูลิแกนให้หมดสิ้นไปในฟุตบอลยุโรป
หลังจากนั้นได้ไม่นาน วงการฟุตบอลอังกฤษยังเผชิญกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในเกมฟุตบอลรายการฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง เอฟเอคัพ เกมระหว่าง ลิเวอร์พูล พบ น็อตติงแฮมฟอเรสต์ ที่สนามเหย้าของโดยใช้สนามกลางของสโมสรเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ที่ชื่อว่า ฮิลส์โบโรห์ เป็นสังเวียนในการฟาดแข้งในเกมนี้ของทั้งสองทีมด้วยความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ที่ปล่อยให้แฟนบอลเข้าสนามเกินความจุ และสแตนเชียร์สมัยนั้นเป็นแบบยืนเชียร์ ทำให้แฟนบอลที่ยังไม่ได้เข้าสนามจึงพยายามเบียดเสียดกันเข้าสนามเพื่อชมเกมนั้นให้จงได้ ยิ่งมีเสียงโห่ร้องในสนามในเกมนั้นดังขึ้นยิ่งทำให้แฟนบอลดันกันเข้าไปจนแฟนบอลที่อยู่หน้าสุดของสแตนด์เชียร์ถูกดันจนแฟนบอลแถวหน้าโดนอัดกับลูกกรงของสนามสมัยนั้นที่ไร้ทางออกและอากาศหายใจเริ่มที่จะหมดลงและนำไปซึ่งการยกเลิกการแข่งขันทันทีทั้งที่เกมเริ่มไปได้เพียง 6 นาที ทำให้แฟนบอลของลิเวอร์พูลทั้ง 96 รายสียชีวิตและตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 97 เมื่อ แอนดรูว์ เดอไวน์แฟนบอล วัย 55 ปี ที่ได้รับผลกระทบจากเกมนั้นที่ทำให้เขาไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตด้วยภาวะเกี่ยวกับสมองและเขาเสียชีวิตลงทำให้ตัวเลขในเหตุการณ์นี้เพิ่มขึ้นบนหลังเสื้อของสโมสร ลิเวอร์พูลเป็น 97 รายที่จากไป ทำให้สมาคมฟุตบอลอังกฤษจึงแก้ไขและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้วยการแก้ไขกฎระเบียบของแต่ละสโมสรยกเลิกสแตนด์เชียร์แบบยืนและต้องเข็มงวดในการควบคุมแฟนบอลจนทุกอย่างนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงภายใต้การรีแบรนด์ดิ้งในปี 1992 ภายใต้ชื่อใหม่ที่ชื่อ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

การใช้ฟุตบอลเพื่อสื่อสารกับคนทั่วโลกในแบบฉบับพรีเมียร์ลีก
หลังจากที่เปลี่ยนชื่อแบรนด์ในการแข่งขันฟุตบอลลีกในประเทศ การประชาสัมพันธ์ให้ทั่วโลกรู้จักฟุตบอลอังกฤษมากขึ้นคือการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจากเริ่มต้นเพียง 191 ล้านปอนด์ในปีแรกมุ่งสู่ 5000 ล้านปอนด์ในปัจจุบันและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นไปอีกในอนาคต ยกตัวอย่างอย่างประเทศไทยก็ได้สิทธิในการได้รับชมการแข่งขันหรือสื่อกีฬาภายในประเทศจะนำวัฒนธรรมเชียร์ฟุตบอลแบบอังกฤษเข้ามาแม้จะควบคู่ไปกับลีกอื่นในยุโรป ต้องยอมรับพรีเมียร์ลีกเปิดประตูสู่โลกได้อย่างยอดเยี่ยมพวกเขามีแฟนฟุตบอลที่ติดตามอยู่ทั่วทุกมุมโลกและเป็นแฟนบอลสโมสรชั้นนำมากมายในเกาะอังกฤษ ชื่อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล อาร์เซน่อล เชลซี จะเป็นชื่อที่อยู่ในความทรงจำของแฟนฟุตบอล และเป็นลีกฟุตบอลที่เมื่อครั้งสมัยก่อนจะเล่นกันด้วยการโยนบอลเข้าไปข้างหน้าและใช้ผู้เล่นตัวสูงใหญ่คอยทำประตูแต่ช่วงที่เปลี่ยนชื่อจากดิวิชั่น 1 มาเป็นพรีเมียร์ลีก สไตล์การเล่นก็เปลี่ยนแปลงไปและเป็นฟุตบอลที่ผสมผสานไปด้วยการเล่นที่ดุดันเสียบสกัดหนักและเทคนิคในสนามของนักเตะ จึงทำให้ครองใจแฟนฟุตบอลได้ไม่ยากยิ่งในสมัยก่อนการชมฟุตบอลนั้นไม่เอื้ออำนวยแบบไหนทุกวันนี้ พรีเมียร์ลีก อังกฤษจึงเหมือนเปิดโลกทัศน์ให้แฟนฟุตบอลอย่างแท้จริงและดูเหมือนโมเดลธุรกิจของพวกเขาจะประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายและพวกเขาได้ชื่อว่าเป็นลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกในเวลานี้
ยอดทีมชั้นนำกระจายตัวอยู่ที่พรีเมียร์ลีกอังกฤษ
ด้วยความที่พรีเมียร์ลีกอังกฤษเป็นลีกที่คงความนิยมเอาไว้ด้วยทีมชั้นนำมากมายที่คับคั่ง ที่มีแฟนๆของพวกเขาติดตามมาตั้งแต่การแข่งขันเดิมอย่าง ดิวิชั่นหนึ่งอยู่แล้ว ชื่อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมที่ทำสถิติคว่าแชมป์ในการแข่งขันระดับประเทศด้วยจำนวน 20 สมัย พวกเขาก็มารุ่งเรืองสุดขีดเหลังจากการรีแบรนด์ดิ้งครั้งนี้ในปี 1992 พวกเขายืนระยะคว้าแชมป์ไปทั้งสิ้น 20 สมัย และต้องต่อสู้กับทีมที่พยายามก้าวขึ้นมาท้าทายการลุ้นแชมป์ทุกปี โดยเป็น ปืนใหญ่ อาร์เซน่อลที่คอยขัดขวางไม่ให้พลพรรคปีศาจแดงครองความยิ่งใหญ่ในอังกฤษและความแชมป์พรีเมียร์ลีกที่น่าจดใจในฤดูกาล 2003- 2004 ด้วยสถิติไร้พ่ายตลอดทั้งฤดูกาลและคว้าแชมป์ไป สามสมัย และทีมที่คงความคลาสิกอย่าง ลิเวอร์พูล ทีมที่รุ่งเรืองแบบสุดขีดในช่วงทศวรรษ 80 ด้วยการคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยนคัพ หรือภายใต้ชื่อใหม่ อย่างยูฟ่าแชมป์ลีกส์ สูงที่สุดในเกาะอังกฤษที่ 6 สมัย

ก่อนที่พวกเขาจะบรรลุถ้วยรางวัลที่รอคอยมานานแสนนานอย่าง ถ้วยพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2019-2020 และการสอดแทรกขึ้นมาด้วยพลังเงินจากเศรษฐีจากต่างแดนที่เข้ามาเปลี่ยนสโมสรระดับที่อาจดูธรรมดาให้กลายเป็นทีมที่ก้าวขึ้นมาท้าทายทีมยักษ์ใหญ่ในอังกฤษอย่าง เชลซี และ แมนเชสเตอร์ซิตี้ และต่างคว่าแชมป์ได้สำเร็จ ทำให้การมีหลายๆทีมขับเคี่ยวกันแย่งแชมป์จึงเป็นเรื่องที่แฟนๆได้ลุ้นตลอดเวลามากกว่าที่บางลีกใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปที่ดูเหมือนจะผูกขาดหรือทำนายแชมป์ลีกสูงสุดของในประเทศนั้นๆแต่ความตื่นเต้นและต้องลุ้นกันแบบนาทีต่อนาทีจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีกจึงได้รับความนิยมมากมายในปัจจุบัน

ซุปเปอร์สตาร์ต่างตบเท้าเข้าสู่ลีกอังกฤษแบบไม่ขาดสาย
ฟุตบอลอังกฤษที่ขับเคลื่อนด้วยลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดอย่างพรีเมียร์ลีกที่ทำให้ลีกของพวกเขาได้รับความนิยมสูงสุดหากปราศจากบรรดา ซุปเปอร์สตาร์ที่ตบเท้าก้าวขึ้นมาในลีกที่ได้ชื่อว่าโหดหินที่สุดหากไม่แน่จริงอาจล้มเหลวไปเลย ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีซุปเปอร์สตาร์ที่ก้าวเข้ามาในทีมที่แฟนบอลชื่นชอบและยกให้เป็นนักเตะในดวงใจจนไปถึงยกให้เป็นตำนานของสโมสรครันเมื่อพวกเขาเหล่านั้นเลิกเล่นฟุตบอลไปแล้ว ชื่อของ เอริค คันโตน่า เธียรี่ อองรี อลัน เชียร์เลอร์ สตีเว่น เจอรราด์ แฟรงค์ แลมพาร์ด คือชื่อระดับตำนานที่อยู่ในหอเกียรติยศของพรีเมียร์ลีกอย่าง ฮอล ออฟ เฟรม จนมาถึงปัจจุบันในโลกฟุตบอลที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ยังคงไว้ซึ่งผู้เล่นระดับสตาร์เอาไว้ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ของแมนเชสเตอร์ซิตี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ของลิเวอร์พูล บรูโน่ เฟอรนันเดซ ของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และดาวรุ่งค่าตัวแพงเป็นสถิติของเกาะอังกฤษคนปัจจุบันอย่าง เอ็นโซ่ เฟอร์นันเดซ ทำให้พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นลีกที่ไม่สิ้นซุปเปอร์สตาร์อย่างแท้จริงยิ่งในฤดูกาลปัจจุบันการขับเคี่ยวแย่งแชมป์ยิ่งเข้มข้นและปัจจุยสำคัญคือบรรดาซุปเปอร์สตาร์ที่กล่าวมาที่มาจากทั่วทุกมุมโลกและเป็นที่หมายปองจะมาโลดแล่นในลีกที่อังกฤษที่จะทำให้พวกเขามีโอกาสในเส้นทางลูกหนังในอนาคต

ความนิยมของพรีเมียร์ลีกไม่ได้จบลงแค่เรื่องในสนามฟุตบอล
สิ่งสำคัญนอกเหนือจากเรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดหรือยอดทีมต่างๆในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นมนต์เสน่ห์ของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ นั้นคือ สตอรี่ที่ถูกเล่าขานในหมู่แฟนบอลที่เป็นที่จดจำที่ไม่เคยลืม การคว้าแชมป์ร้พ่ายของ อาร์เซน่อล การกระโดดถีบแฟนบอล ของ เอริค คันโตน่า การแย่งแชมป์ของสองทีมเมืองแมนเชสเตอร์ในฤดูกาล2012 อย่างลูกยิงของ เอเกวโร่ รวมไปถึงการเทคโอเวอร์ของ โรมัน อับราโมวิช ที่เป็นเหมือนเปิดประตูให้เศรษฐีคนอื่นๆเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรในเวลาต่อมา ทำให้พรีเมียร์ลีก ยิ่งในฤดูกาล2022-2023ล่าสุด การตัดสินแชมป์ในนัดสุดท้ายของยอดทีมแห่งยุคอย่าง แมนเชสเตอร์ซิตี้ และลิเวอร์พูลที่สถานการณ์พลิกไปพลิกมาจนเป็นแมนเชสเตอร์ซิตี้คว้าแชมป์ไปในท้ายที่สุด ทำให้พรีเมียร์ลีกจึงเป็นลีกที่ดึงดูดและมีความพิเศษมากกว่าลีกอื่นๆใน 5 ลีกใหญ่ยุโรป และยังเป็นจุดศูนย์รวมของยอดผู้จัดการทีมทั้งอดีตและปัจจุบันกระจุกรวมตัวกันอยู่ที่นี่นั้นเอง
จะเห็นได้ว่าหากพูดถึงฟุตบอล ชื่อของพรีเมียร์ลีกอังกฤษย่อมครองใจแฟนๆทั่วโลกอยู่แล้วจากรากฐานแผนงานที่วางเอาไว้อย่างเข้มแข็ง จนทำให้เอกลักษณ์ของประเทศอังกฤษนอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของประเทศแล้วอย่าง ลอนดอน อาย หรือ หอนาฬิกาพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ หรือที่เรียกว่า บิ๊กเบน แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า เมื่อนึกถึงประเทศอังกฤษ ยอดทีมฟุตบอลก็เป็นชื่อแรกๆที่แฟนฟุตบอลอยากไปสัมผัสเช่นกัน