หงส์แดงถล่มปีศาจแดงแบบยับเยินถึง 7-0 เก็บชัยชนะในศึกแดงเดือด

พรีเมียร์ลีก : ลิเวอร์พูล 7-0 แมนยู

ข่าวฟุตบอล >> พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2021-2022 คู่เอกประจำสัปดาห์ที่ 26 เป็นการพบกันระหว่าง ลิเวอร์พูล เปิดรังเหย้า แอนฟิลด์ ทำศึกแดงเดือดพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเจ้าบ้าน เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-3-3 ด้วยการใช้สามประสานแนวรุกในแดนหน้าเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โกดี้ คักโป และ ดาร์วิน นูนเญซ

ด้านทีมเยือนของ เอริค เทน ฮาก วางหมากมาในแผน 4-2-3-1 ใช้หน้าเป้าเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำเกมรุกร่วมกับ อันโตนี, เว้าท์ เว็กฮอร์สท์ และ บรูโน แฟร์นันด์ส

เกมในช่วง 45 นาทีแรก เป็นฝั่งของลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำ ในนาทีที่ 43 จากจังหวะขึ้นเกมทางกราบซ้ายที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จ่ายทะลุช่องเข้าเขตโทษให้ โกดี้ คักโป ล็อคตัดเข้าในยิงด้วยขวาอย่างเด็ดขาด ส่งให้หงส์แดงออกนำ 1-0 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังลิเวอร์พูลมาบวกลูกสองเพิ่มได้อีก ในนาทีที่ 47 จากจังหวะที่ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ เปิดบอลทางกราบขวาเข้ากลางให้ ดาร์วิน นูนเญซ เทกตัวโหม่งตุงตาข่าย ช่วยให้หงส์แดงหนีห่างเป็น 2-0

ถัดมานาทีที่ 50 ลิเวอร์พูลมาได้ประตูที่สามเพิ่มเติมอีก จากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไหลบอลทางกราบขวาเข้ากลางให้ โกดี้ คักโป โฉบมางัดบอลหนีตัว ดาบิด เด เคอา อย่างเยือกเย็น เป็นลูกสองของเจ้าตัวในเกมนี้ช่วย ส่งให้หงส์แดงนำห่าง 3-0

ต่อเนื่องด้วยนาทีที่ 66 ลิเวอร์พูลมาบวกลูกฉีกหนีไปอีก จากจังหวะที่ ดาร์วิน นูนเญซ ดีดบอลไปแฉลบ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ มาเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ วอลเลย์ด้วยขวาเช็ดคานเข้าไป ช่วยให้หงส์แดงทิ้งห่าง 4-0

ยังไม่หมดแค่นี้ เมื่อในนาทีที่ 75 ลิเวอร์พูลมาได้ประตูที่ห้า จากจังหวะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เปิดบอลทางกราบซ้ายเข้ากลางให้ ดาร์วิน นูนเญซ เทกตัวโหม่งแบบหันหลังให้ประตูแล้วบอลเสียบเสาไกลเข้าไป เป็นลูกสองของเจ้าตัวในเกมนี้ด้วย ส่งให้หงส์แดงนำ 5-0

ถัดมานาทีที่ 83 ลิเวอร์พูลมาบวกลูกหกครบครึ่งโหล จากจังหวะที่ ลุค ชอว์ เตะสกัดบอลไปติด โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน แล้วไปเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตวัดยิงด้วยขวาไม่เหลือ เป็นลูกสองของเจ้าตัวในเกมนี้ด้วย ช่วยให้หงส์แดงนำ 6-0

ท้ายเกมนาทีที่ 88 ลิเวอร์พูลมาได้ประตูที่เจ็ด จากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไหลบอลให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน ยิงมุมแคบด้วยขวาลอดตัว ดาบิด เด เคอา เข้าไป ส่งให้หงส์แดงนำ 7-0

จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นลิเวอร์พูลถล่มเอาชนะไปแบบขาดลอยเหลือจะเชื่อถึง 7-0 เก็บเพิ่มเป็น 42 คะแนน ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 5 ส่วนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่อันดับ 3 ยังมี 49 คะแนนเท่าเดิม นอกจากนี้ยังถือเป็นชัยชนะขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์ของหงส์แดงในศึกแดงเดือดด้วย

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน; จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (สเตฟาน บายเซติช น.78), ฟาบินโญ (เจมส์ มิลเนอร์ น.79), ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ (เคอร์ติส โจนส์ น.85); โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โกดี้ คักโป (โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน น.79), ดาร์วิน นูนเญซ (ดิโอโก้ โชต้า น.78)

สำรองไม่ได้ใช้ : คอสตาส ซิมิคาส, ฟาบิโอ คาร์วัลโญ, โฌแอล มาติป, ควีวีน เคลเลเฮอร์

ใบเหลือง – ฟาบินโญ น.41, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ น.84

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา; ดิโอโก้ ดาโลต์, ราฟาแอล วาราน, ลิซานโดร มาร์ติเนซ (ไตเรลล์ มาลาเซีย น.77), ลุค ชอว์; คาเซมิโร (มาร์เซล ซาบิตเซอร์ น.77), เฟร็ด (สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ น.58); อันโตนี, เว้าท์ เว็กฮอร์สท์ (อเลฮานโดร กานาร์โช น.58), บรูโน แฟร์นันด์ส; มาร์คัส แรชฟอร์ด (แอนโธนี อีแลงก้า)

สำรองไม่ได้ใช้ : แฮร์รี แม็คไกวร์, ทอม ฮีตัน, เจดอน ซานโช, อารอน วาน-บิสซาก้า

ใบเหลือง – อันโตนี น.53, ลิซานโดร มาร์ติเนซ น.61, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ น.64

มีนักเตะถึง 4 คนของ ลิเวอร์พูล ที่ทำประตูได้ในนัดดังกล่าว นั่นคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ, โคดี้ กัคโป และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ โดยที่ 3 คนแรกทำไปคนละ 2 ประตูเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม กรณีของ ซาลาห์ มีความพิเศษมากกว่าคนอื่น เพราะมันทำให้ตอนนี้เขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลในถ้วย พรีเมียร์ลีก ของทาง ลิเวอร์พูล ไปเป็นที่เรียบร้อยที่จำนวน 129 ลูก ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงเกร็ดเกี่ยวกับ 129 ประตูที่ว่าสักหน่อย

ด้วยความที่เขาถนัดเท้าซ้ายเป็นหลัก ทำให้ในจำนวน 129 ลูกที่ว่านั้น มีถึง 102 ประตูที่มาจากการยิงด้วยเท้าซ้ายของเขา หรือก็คือคิดเป็นราว 79.06 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนประตูทั้งหมดใน พรีเมียร์ลีก ที่ ซาลาห์ ทำได้กับ ลิเวอร์พูล เลยทีเดียว

ทั้งนี้ เท้าขวาของ ซาลาห์ ก็มีความอันตรายในระดับหนึ่ง เพราะเขาทำประตูในลีกให้ “หงส์แดง” ด้วยการใช้เท้าข้างนั้นไปทั้งหมด 20 ครั้ง ในขณะเดียวกันเขาก็ใช้ลูกโหม่งทำประตูในลีกไปทั้งหมด 7 หนด้วยกัน

ส่วนสำคัญที่ทำให้ ซาลาห์ มียอดการทำประตูให้กับ ลิเวอร์พูล อย่างถล่มทลายเป็นเพราะเขาคือหนึ่งในคนที่ทำแฮตทริกได้บ่อยมาก โดยทำอย่างนั้นได้ถึง 4 หนด้วยกัน ซึ่งหากเทียบเฉพาะกับนักเตะ ลิเวอร์พูล ด้วยกันแล้วนั้น เขาทำแฮตทริกใน พรีเมียร์ลีก ได้น้อยกว่าแค่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ (8 ครั้ง), ไมเคิ่ล โอเว่น (7 ครั้ง) และ หลุยส์ ซัวเรซ (6 ครั้ง) เท่านั้น

สำหรับ 4 เกมที่ ซาลาห์ ทำแฮตทริกได้ในเกม พรีเมียร์ลีก ประกอบด้วยการทำ 4 ลูกใส่ วัตฟอร์ด เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ปี 2018, การซัด 3 ประตูใส่ บอร์นมัธ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ปี 2018, การทำได้ 3 ประตูในเกมกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 12 กันยายน ปี 2020 และวันที่เจาะตาข่าย แมนฯ ยูไนเต็ด 3 ครั้ง เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ปี 2021

นักเตะบางคนอาจจะมีปัญหาเวลาลงเล่นเกมใหญ่ๆ แต่นั่นไม่ใช่สำหรับ ซาลาห์ เพราะเชื่อหรือไม่ว่าคู่แข่งใน พรีเมียร์ลีก ที่เขาเจาะตาข่ายได้มากที่สุดในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่จำนวน 10 ลูกจากการลงเล่น 11 นัด

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ วัตฟอร์ด คือ 2 ทีมที่เสียประตูให้ ซาลาห์ รองลงมา หลังจาก ซาลาห์ ยิงใส่ 2 ทีมนั้นได้ 9 ลูก จากจำนวน 11 เกมและ 8 นัด ตามลำดับ ส่วนถัดมาคือ บอร์นมัธ ที่ ซาลาห์ ทำประตูใน พรีเมียร์ลีก ใส่ทีมดังกล่าวได้ 8 ลูก หากนับเฉพาะตอนที่เขาอยู่กับ ลิเวอร์พูล